Saturday, June 2, 2007

Da Endorphine



30 พฤศจิกายน 2549
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9490000146524

นักร้องสาวแหบเสน่ห์ "ดา เอ็นโดรฟิน" เส้นเสียงยังมีปัญหา ปัจจุบันใช้การรักษาแบบดูแลตัวเองไปก่อน เจ้าตัวไม่กล้าหักดิบด้วยการผ่าตัดกลัวผลกระทบกับการพูด เผยในอนาคตอันใกล้จะยุติบทบาทนักร้องของตัวเองแน่นอน เตรียมผันตัวไปอยู่เบื้องหลัง แต่ยังคงมุ่งมั่นวนเวียนอยู่ในวงการนี้ต่อไป

"ดา เอ็นโดรฟิน" แจงกรณีเส้นเสียงมีปัญหาจนถึงกับต้องหยุดการโปรโมทอัลบั้ม สักวา 49 ก่อนเวลาอันควร ว่าเกิดจากปัญหาหวัดลงคอแล้วลุกลามใหญ่โตเพราะโหมงานหนักไม่ได้พักผ่อน

"เขาเรียกโรคนี้ว่า "โพลิค" หลายๆ คนจะรู้จักคำว่าริดสีดวง คือริดสีดวงในที่นี้หมายถึงเนื้อส่วนเกินที่ทุกคนไม่ต้องการซึ่งมันสามารถไปขึ้นที่ไหนก็ได้ของร่างกาย เป็นเนื้อเยื่อที่มันโตผิดรูป แล้วของดามาเป็นตรงเส้นเสียง"

"ต้นตอมันเกิดมาจากที่เราเป็นหวัดนี่แหล่ะค่ะ เป็นหวัดลงคอ ลงคอปั๊บเสียงแหบ เสียงแหบปั๊บ มีงานต่อ มีงานต่อก็ต้องร้อง พอไปร้องปั๊บสนุกก็ยิ่งใส่เข้าไป ใส่เข้าไป ก็ยิ่งทรุดหนัก ที่เห็นดาเสียงแหบๆ เนี่ย คือดาเป็นคนเสียงแหบตั้งแต่ทำงานกลางคืนแล้ว มีนักร้องหลายคนที่มีเสียงเปลี่ยนไปเพราะทำงานกลางคืน"

"เป็นคนร้องเพลงดัง เป็นคนเสียงดัง ซึ่งเป็นคนเสียงดังปั๊บเวลาไปคอนเสิร์ตแล้วสนุก ไปร้องเพลงแล้วสนุกมันก็ยิ่งดังไปใหญ่เลย ต่อไปคุณหมอก็เลยห้ามร้องเพลงเสียงดังเกินไป คือมันทำได้ไงคะ แต่เวลาสนุกมันมักจะลืมตัว ตอนนี้สุขภาพรวมๆ แล้วดีค่ะ ที่เหลือคือต้องดูแลตัวเองอย่างเดียวเลย ที่จะไม่ให้มันกลับมา คือดูแลตัวเองเป็นหลักเลย งานเยอะก็ต้องดูแลตัวเองเยอะ"

เผยอนาคตมีโอกาสลุกลามกลายเป็นมะเร็งได้ แต่คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลา ไม่วิตกกับปัญหา เพียงแต่เริ่มปลง และจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด
"รู้วิธีไหนที่จะช่วยให้มันทุเลาลงก็ทำหมด คือหายขาดก็หายได้แต่หมายความว่าดาต้องหยุดร้องเพลงไปประมาณครึ่งปีเลย ซึ่งมันทำไม่ได้ คือเส้นเสียงของคนเรามันต้องเรียบสนิทเป็นเส้นตรง ของดาข้างซ้ายมันปูดออกมานิดนึง ลักษณะคล้ายๆ หัวสิวอะไรอย่างนั้น จะปูดยื่นออกมาหน่อยนึง มันทำให้เราสร้างสมดุลคอไม่ค่อยได้ ตอนนี้ข้อเสียของดาที่ดารู้ตัวเลยก็คือ ร้องหลบสูงมากๆ ไม่ได้ แต่เวลาร้องเต็มมันจะออกมาดีกว่าเดิม คือมันเปลี่ยนไป"

"คุณหมอบอกว่ามันมีหลายคนที่กลายเป็นมะเร็งได้ คือคนเราเป็นมะเร็งได้ 70% คือคนที่แข็งแรงก็เป็นได้ แล้วมะเร็งกล่องเสียงนี่อันตรายที่สุด โอกาสที่จะเป็นน้อยที่สุด แต่คนที่เป็นก็จะใบ้ไปเลย"

"มันปลงมากกว่า คิดว่ามันคงไม่เป็นเร็วมั้งคะ ก็คิดอย่างนี้ตลอด อย่างน้อยมันน่าจะเป็นตอนเราอายุสัก 40 หรือ 50 ไปแล้ว ก็เลยคิดว่าเอาหล่ะ ตอนนี้ก็ยังสนุกอยู่ แล้วเราก็ดูแลตัวเอง คือเราก็ไม่ได้ปาร์ตี้หนัก ไม่ได้ไปร้องจนกระทั่งพวกแหกปากแบบนั้น"

ด้วยเหตุของอาการป่วย ทำให้อัลบั้มที่แล้ว ต้องหยุดการโปรโมทไปก่อนกำหนด ทั้งๆ ที่เหลือเพลงในบัญชีอีกหลายเพลง ตั้งเป้าเอาไว้ไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า "ดา" จะผันตัวเองไปอยู่เบื้องหลัง แต่ยังขอทำงานด้านเพลงเนื่องด้วยใจรัก และไม่คิดว่าการร้องเพลงเป็นการหาเงิน

"จริงๆ เพลงของเอ็นโดรฟินในอัลบั้มที่แล้ว"สักวา 49"นั้น มันยังเหลือเพลงในอัลบั้มที่กำลังจะปล่อยอีกเยอะเลย อีก 2-3 เพลง แต่พอดามาเป็นตรงนี้ มันก็ชะงักไป แต่คือทางค่าย เขาจะให้นักร้องเป็นหลักอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ไหว เราก็ทำอะไรไม่ได้"

"แต่เท่าที่ได้มันก็ดีแค่ไหนแล้ว กับอัลบั้มสองที่ผ่านไป ทางผู้ใหญ่ในค่ายเขาจะเป็นห่วงเรามากกว่า เขาไม่ค่อยมาจี้เราเรื่องงานนะคะ แต่เขาจะมาถามเรามากกว่า ว่าไหวไหม โปรโมทอีกสักหน่อยไหม ก็บอกไม่เป็นไรพี่ แค่นี้พอแล้ว มันอยู่ที่เรามากกว่า"

"เรื่องผันตัวเองไปเบื้องหลังนะ ดาคิดอยู่แล้ว เพราะว่ามันเหมือนงานในนี้มันสนุก แล้วยิ่งเรายังคิดทำอะไรได้ แล้วเรายังได้อยู่บ้านหลังเดิมมันก็น่าจะสนุก ดาอยากแต่งเพลง ร้องไกด์ และดาชอบแต่งภาพ พวกภาพปก ภาพอะไรอย่างนั้น อย่างอัลบั้มล่าสุดนี้ ดาเข้าไปลึกขึ้น เริ่มเข้าไปตามรายละเอียดของงานมากขึ้น"

"ทั้งเรื่องเพลงที่แต่งเอง เพลงที่พี่เขาแต่งดูว่าเราชอบไหม อัลบั้ม คอนเซป ภาพปก การทำมิวสิคอะไรอย่างนั้น คือเราเริ่มเห็นคุณค่าของงานมากขึ้นด้วย เพราะเราโตขึ้นแล้วเราเริ่มรู้ว่าเขาทำงานกันอย่างไร มันลำบากแค่ไหน มันต้องคุยกับใครบ้าง พอรู้มากขึ้นเราก็อยากเข้าไปดูงานทุกขั้นตอนของเรามากกว่า"

"ดาว่าอีกไม่น่าจะถึง 10 ปีดาคงพอแล้วหละค่ะ สำหรับการร้องเพลงเบื้องหน้าแบบนี้ อิ่มแล้ว มีความสุขแล้วค่ะ ด้วยใจจริงๆเรารักตรงนี้มากไงคะ แล้วบางทีดาคิดว่าการร้องเพลงไม่ได้สุ่มสี่สุ่มห้าร้องออกมา ไม่ได้ให้การร้องเพลงหาเงิน จริงๆ แล้วเงินมันเป็นปัจจัยที่เราได้มา ถ้างานเรามันออกมาดี เงินมันคือผลพลอยได้ค่ะ"

No comments: